เมนู

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร มีสุนทรพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ พระโพชฌงค์ที่จะเป็นองค์ให้รู้มรรครู้ผลก็องค์เดียว ก็ทำไมจึง
ว่าพระโพชฌงค์เป็นองค์จะให้รู้มรรคผลถึง 7 องค์ โยมยังสงสัยนิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะมหาบพิตรพระราชสมภาร เปรียบ
ปานดุจหนึ่งดาบกับทั้งฝักอันบุคคลยังมิได้ถอดออกจากฝัก จะฟันลงที่ไม้ ไม้จะขาดหรืออย่างไร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสว่า หามิได้
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่าฉันใดก็ดี โพชฌงค์ทั้ง 6 นี้เปรียบดุจฝักดาบ ธัมมวิจย-
สัมโพชฌงค์เหมือนตัวดาบ โพชฌงค์ทั้ง 6 ย่อมอาศัยธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ก่อน จึงให้รู้มรรค
รู้ผลเหมือนฝักดาบอาศัยตัวดาบ จึงฟันบั่นรอนสิ่งทั้งปวงให้ขาดได้ บพิตรพระราชสมภารพึง
เข้าพระทัยด้วยประการฉะนี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีได้ทรงฟัง ก็มีพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ สธุสะ
ก็สมควรแล้ว
สัตตโพชฌงคปัญหา คำรบ 8 จบเท่านี้

ปาปปุญญพหุตรปัญหา ที่ 9


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสน โยมยังสงสัยนักหนา บุคคลที่ศรัทธาทำบุญกับบุคคลกระทำบาปนี้
บุญจะมีกำลังมาก หรือว่าบาปจะมีกำลังมากประการใด
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร บุญนี่แหละมี
กำลังมาก บารมีกำลังน้อย ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทาธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสนผู้เจริญ โยมยังสงสัยอยู่ เหตุไฉนบุญจึงมีกำลังมาก บาปจึงมีกำลัง
น้อย เป็นเหตุอย่างไร นิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรตรัส
ถามด้วยประการฉะนี้

พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ
บุคคลที่กระทำการอกุศลนั้น ครั้นกระทำแล้วเดือนร้อนกินแหนงว่า อนิจจา ๆ บาปกรรมนี้
อาตมาจะกระทำเป็นกรรมอันลามกมิดี เหตุดังนี้ จึงว่ากระทำบาปกรรมไม่มีผลเจริญ เพราะ
ว่ากระทำแล้วและสอดแคล้วกินแหนงในใจ บุคคลที่ได้กระทำการกุศลไว้ มีแต่น้ำใจเลื่อมใส
ปราโมทย์ แล้วคิดไปมีใจปลื้มยินดีบังเกิดปีติโสมนัส แล้วมีกายระงับลงด้วยปีติโสมนัสนั้น
ครั้นกายระงับลงเป็นกายปัสสัทธิจิตตปัสสัทธิแล้ว ก็ได้เสวยสุข เมื่อสุขบังเกิดแล้ว ก็จะเป็น
สมาธิลง อานิสงส์จำเริญขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ ต้องด้วยเยี่ยงอย่างประเพณีมีมาว่า บุรุษผู้หนึ่งมีเท้า
มีมืออันขาด ได้ถวายดอกอุบลชาติกำมือหนึ่ง แก่สมเด็จพระบรมโลกนาถเจ้า ได้เสวยผลบุญที่
ได้ถวายดอกไม้กำมือหนึ่งนี้ไปหลายชาติหลายกัปนับนาน เอกนวุติกปฺเป ประมาณได้ 91
กัปด้วยผลกุศลอันวิเศษ เหตุฉะนี้ อาตมาจึงว่าบุญนี้มีกำลังมาก บาปกรรมนี้มีกำลังน้อย
ของถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาชาวสาคลนคร ทรงฟังก็สโมสรโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ
สธุสะพระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาสมควรยิ่งนักหนาในกาลบัดนี้
บาปปุญญพหุตรปัญหา คำรบ 9 จบเท่านี้

ชานอชานปัญหา ที่ 10


อถโข มิลินฺโข ราชา ภนฺเต นาคเสน ปุคฺคเล น ปาปํ วา อปาปํ วา ทุกฺขเวทนา อปายภูมึ
คจฺฉตีติ

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสน บุคคลผู้หนึ่งรู้ว่าบาปกรรมแล้วกระทำบาปกรรม บุคคลผู้หนึ่งไม่รู้ว่า
บาปกรรม มากระทำบาปกรรมนี้ คนทั้งสองนี้จะได้ทนทุกขเวทนา ข้างไหนจะได้เวทนามาก
กว่ากัน ข้างรู้บาปกรรมนี้จะให้ไปอบายรู้อยู่แล้วและกระทำนี้ จะได้ผลวิบากมากหรือ หรือว่าไม่
รู้บาปกรรมนี้จะให้ไปอบายและมาขวนขวายกระทำบาปกรรมนั้น ได้เสวยวิบากมา โยมยัง
สงสัย นิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะมหาบพิตรผู้เป็นอิสราธิบดี คนที่ไม่รู้